herder ปวเรศกรุงสยาม
ปวเรศกรุงสยามหน้าแรกปวเรศบทความพระเครื่องเช่าบูชาพระเครื่องเกี่ยวกับปวเรศกรุงสยามติดต่อปวเรศกรุงสยาม
ปวเรศกรุงสยาม   Tel. 081-9177654   -   E-mail : pavareskrungsiam@gmail.com 
  สอบถามข้อมูล ติดต่อ 081-9177654 (อ.เศรษฐพร)      For English please contact us at +6686-6423611 (Ms. Chat)
QR Code Line Pavareskrungsiam Gallery of Secondhand Smulet อ.ธำรงค์ ประกันไวรัสโคโรน่า Covid-19 โควิด 19   พระแนะนำ
Face Book

พระเครื่อง

 
 
วันที่สร้าง 01 Jun 2011
 
free counters
 
Display Pagerank
 
 
 
 
 
องค์จตุคาม
ศรีวิชัยธัมมราชพุทธไท
   
รหัส 8274 รหัส 8249 รหัส 8276 รหัส 8277
จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam
   
รหัส 8278 รหัส 8464 รหัส 8509 รหัส 8510
จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam
       
รหัส 8275 รหัส 8250 รหัส 8519 รหัส 8280
จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam จตุคาม jatukam
      ช้างปาลิไลยกะ 
(พิมพ์สมมุติ)
line
line
รหัส 7517
จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam

องค์จตุคาม หลังหนุมานเชิญทรง กรุนาดูนเนื้อดินยุค ๑,๓๐๐ ปี

 
รหัส 9597
จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam
   
รหัส 8462 รหัส 8511
จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam
line
line
รหัส 1190
จตุคาม jatukam
   

          การที่เหตุการณ์ผ่านมาเป็นปกติแล้วจึงขอฝากความศรัทราในองค์พ่อไว้ว่า    อดีตมีการสร้างไว้จริงๆตั้งแต่สมัยโบราณนานแค่ไหนเรามาหาเหตุความจริงด้วยกัน
          การศึกษาจากตำราหลายเล่มผมเองไม่พบหลักฐานใดเลยว่า องค์เทพที่อยู่ในเนื้อดินดิบมีที่มาจากที่ใด พยายามที่จะหาหลักฐานแหล่งที่มา แหล่งที่สร้าง เพื่อเป็นความรู้ให้คนรุ่นหลังที่สนใจในองค์เทพเจ้าของสายพราหมณ์ หรือทางสายพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ที่เป็นพระโพธิสัตว์มาสร้างบารมีอีกหลายชาติ เพื่อจะขึ้นบัลลังก์เป็นพระพุทธเจ้าในวาระต่อๆไป ผมได้พบหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาติ ที่มีการบันทึกโดยผ่านเนื้อดินโบราณ บันทึกอักขระแล้วใช้ยางไม้เรียกยางกบก ทาไว้เพื่อความคงทนจนมาถึงยุคเรา ความรู้จากหนังสือ พุทธสาสนสุวัณภูมิปกรณสาธารณประโยชน์วิทยา กเบื้องจานฅดี-ทุนนิธิพระราชกระวี(อ่ำ ธมฺมทตฺโต) วัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ จากการอ่านบันทึกจาก กเบื้องจานโบราณเหล่านี้มีอยู่หลายแห่งเท่าที่เจ้าคุณ(อ่ำ ธัมมทัตโต)รวบรวมได้ประมาณ ๒ พันแผ่นจากที่ต่างๆ ดังนี้
           คูบัว(ราชบุรี) ๘๐๐ แผ่น
           อู่หิน(พิมาย) ๕๐๐ แผ่น
           ตำบลท่าเรือ(นครศรีธรรมราช ๑๐๐ แผ่น)
           พริบพลี(เพชรบุรี) ยังไม่ทราบจำนวน
           นองทอง(กาญจนบุรี) ยังไม่ทราบจำนวน
           อู่ทอง(สุพรรณบุรี) ๑๖๐ แผ่น
           แผ่นกเบื้องทุกแผ่นที่เขียนเรื่อง-ล้วนมีลงรักประสมทองแบบเอาทองเม็ดหรือทองคำประสมรักทาทั้งแผ่นแล้วเขียน กเบื้องเล่านี้ กบกเป็นต้นไม้เนื้อแข็ง ต้นสูงใหญ่คล้ายต้นยาง ยางเป็นส่วนผสมสำหรับงานทำกเบื้องทีจากบันทึกโดยพระอรหันต์ชื่อ โสณ เล่าสุวัณณภูมิ ว่า "เมื่อหลังสุวัณณภูมิ ศรีวิชัยใหญ่ขึ้นครั้งนั้นเมื่อ ขุนอินไสเรนทร์ อินเขาเขียว ตั้งเปนต้นไสเรนทร พุทธศาสนาอ่อน เปนพราหมณ พุทธกาลเป็นจุลกาล มคธน้อย สังสกฤตมากหลาย ไทยน้อย ภิกขุ สามเณร หมาย (เป็น) โพธิสัตต ถึงปี ๑,๓๕๐ มีดีขึ้นบ้าง (๑๑๓/๒) ( การบันทึกใช้อักษรโบราณ)" พระโสณพยากรณ์ก่อนนิพพานมีอายุได้ ๑๑๐ปี ท่านพยากรณ์ไทยว่าจะรักษาพุทธศาสนาอยู่ตลอดได้ตลอด ๕,๐๐๐ ปี
สมัยเมื่อปี พ.ศ.๒๓๕ โลกกนลว้า สุวัณณภูมิพบโสณุตร(พระโสณ พระอุตตร พระฌานีย พระภูริยะ พระมูนียะ) ไป ถึงเมืองช้างค่อม เรือเดินทางถึงเมืองทอง เมื่อปีอ้ายขึ้น ๑๔(ค่ำ) ปีพุทธกาลลุล่วง(แล้ว) ๒๓๕ปีไทยฉลู( ๒๓๑ปีนับจากพ.ศ.๒๕๐๐) ได้มีทั้งพระและเณรได้แนะนำการสอนทางพระพุทธศาสนาไปในทางเป็นโพธิสัตว์. ในชาติหน้า ในสมัยพุทธกาล ๒๕๔มีการสร้างพุทธภูมิเป็น ศาสนะสถาน วางส่วนกว้างยาวห้าพันวา โดยพระโสณ ให้พระกัจจยน ธัมมสุนันท เป็นผู้จัดสร้างและพระโสณ กลับเมืองสุวัณณภูมิเดือน ๑๒ปีพุทธกาล ๒๕ พุทธภูมิสร้างก่อน บุโร บุโด หรือ บาราบุคเดอร(BARA BUDDUR) ได้สร้างประมาณ ค.ศ.๘๐๐(พ.ศ.๑๓๔๓) ระหว่างรัชสมัยราชวงค์ไศเลนทร หลังจากยุคชวากลางแล้วก็ถูกทอดทิ้ง ซึ่งห่างกาลเวลาการสร้างพันกว่า ระหว่างพุทธภูมิกับ บุโร บุโดและห่างจากพุทธภูมิ ๒๕ ไมล์ และยังค้นไม่พบอาจอยู่ใต้ดินแล้วสูญไปก็ได้ พุทธภูมิไม่ใช่ บุโร บุโด ได้มีการสร้าง เมืองทางใต้ จากบันทึกกล่าวว่า เดือนเด่นฟ้า ส้างเมือง ช้างค่อมตั้งชื่อแก่เมืองส้างใหม่ว่า เมืองธมัมมราช ตั้งขุนคุ้มธัมมาโศกราชครองคุ้มเมือง เชิญมูนียไปกำหนดนิมิตรตสีมาวัดมหาธาตุ เดือนเด่นฟ้า ปี๒๗๐ มาอยู่ช้างค่อม ส้างที่ดินซายเปนเมืองธัมราชปี๒๗๐(๗๑๘/๑) เดือนเด่นฟ้า อยู่ช้างค่อม ส้างวัดมหาธาตุ(ธัมราช) )๒๗๑เข้าคู่เมืองธัมราช เดือนเด่นฟ้า ตามมูนียไปเมืองมลัย ข้ามถึงเกาะ เปรฆี มลก ถึงชวก ในปี๒๗๗ พระธัมมสุนันท อยู่ช่วยแรงทำพุทธภูมิ พ่อเมืองขุนลตูสุวาเทียม ฃุนญิง มาลกาสินจอกาตอ แล ญิง ชาย ก่อเมืองพุทธนิมิต(๕๒๐/๑) และพระโสณพยากรณ์ ว่าเมือง สุวัณณภูมินี้ตั้งอยู่ถึง ๑๐๔๕ปี จะย้ายไปช้างค่อมที่(พวก)เราอาศัยในก่อนนั้น อันมูนียไปบำรุง เดือนเด่นฟ้าไปก่อสร้างเมือง วัดมหาธาตุ กวางหมอบ ล้อธัม อุโบสถ เจดีย์ เมือง (ให้ชื่อเมือง) ธัมราช จากบันทึกการเกิดของจัทรภาณุ(กเบื้องเลขที่ ๔๘/๑) ว่า เลืองธัมม(ราชา) สุวัณณภูมิ มีเมียจอมสรวงฟ้า เมื่อปีมะเมีย พุทธกาล ๙๗๓ ออกลูกชายชื่อ จันทรภานุ(เมื่อ) เดือนขึ้นฟ้า ตวันลอนฟ้า วันขึ้น ๑๒ค่ำ เดือน๕ วันเอื้อย )พฤหัสบดี) ให้ชื่อ (ว่าจันทรภาณุ) ตามจัทรอาทิตย ขึ้นลอน นั้นแม่รักถนอมลูกด้วยใจอันดี (กเบื้อง๕๐/๒) จันทรภาณุ ผู้เอาเยี่ยงตวัน เมื่อได้เมืองสุวัณณภูมิ พุทธกาล(๑๐๐๐) จัดลูกศึกขุนศึกช้างม้า เมื่อเมียชื่อ สีมาทอง มีลูก ชื่อ อินไสเรนทร เมีย (ชื่อ) หม่อมน้อย มีลูกชื่อ อินเขาเขียว จันทรภาณุเมืองสุวัณณภูมิ ผู้เอาอย่าง ตวันพ่อทวดโพ้น เมื่อพุทธกาล๑๐๑๘ ให้หาหาญบุญไทย ผู้คุ้มเมือง สุวัณณภูมิ ตั้งเป็นพ่อเมืองผู้ป้องเมือ แม่ แลสองเมือง เปนผู้ช่วย แล (เปน) แม่อยู่เมือง ปีพุทธกา ๑๐๒๐ หา ขุนคนองฟ้า คู่ศึก ชุมนุม (และ) ลูกศึก หมื่นคน ยกไป ชมพู ทวีป อินไสเรนทร อยู่สุวัณณภูมิ เมื่อพ่อ จันทรภาณุ ยกศึกไปชมพู(ทวีป) หาญบุญไทยเฝ้า มือง แม่อยู่เมือง เมื่อพุทธกาล ๑๐๒๓ ส้างเมืองธัมมราช (ตั้งชื่อเปน) ศรีวิชัยธัมมราชพุทธไทย (๗๔/๑) อินไสเรนทร มาถึงสุวัณณภูมิ ถาม(น้อง) อินเขาเขียว แม่ (และอา) แก้วเมืองทอง พวกคนชาวเมืองหมื่นห้าพันใฝ่เมือง ศรีวิชัยธัมมราชพุทธไท (ไป) พร้อมกันปี (พุทธปรินิพพานล่วงแล้ว) ๑๐๒๖ (๗๔/๒) และขุนอินไสเรทร์และขุนอินเขาเขียวผู้นำสุวัณณภูมิไปใช้ว่า:ศรีวิชัยสุวัณณภูมิ : ปี ๑๐๒๖ เริ่มศรีวิชัยสุวัณณภูมิและยังเรียกศรีวิชัยธัมมราชพุทธไท
           หลังจากควมเจริญสูงสุดก็เกิดการเสื่อมตามหลักสัจจะธรรมมีการบันทึกไว้ดังนี้ เดือนเด่นฟ้า ลงคำ (โสณ) เมืองไทยทวาราวดี พุทธกาล ๑๕๕๐ คู่ สองพัน ขับ เขมน แล ศรีวิชัยแตกไปลโว เป็นเมืองคัมโพช เมื่อ สุโขทัย-ไทยขุนศรีนาวนำเถือม ส้างปี ๑๗๖๕ แพ้ขุนขอมคัมโพช(๑๑๕/๒) เมื่อพระยาฟ้าเมืองราช ไทยทวาลาวดี (ไทยทวาลาว) ไปนำขุนบางกลางเมืองยาง มาสู้ ขุนลำพองเมืองคำโพช เอาเมืองคัมโพชเอาเมืองคืนแก่ขุน(แล้วตั้งขึ้นเป็นขุน) ศรีอิทรา (ทิตย์) มีลูก(ชื่อ) ร่วงคำแหง(ๆ)มีลูกชื่อ เลอไทย(ๆ) มีลูกชื่อ (ลือไทย) ธัมมราชา (พุธศาสนา) เจริญปี ๑๘๒๕ (๑๑๕/๒) มากล่าวทางด้านพราหมณ์กับศาสนาพุทธมีปรากฏหลักฐานว่า พุทธมหายาน มีหลักปรัชญาสืบเนื่องจากศาสนาพราหมณ์ ซึ่งพัฒนากลายเป็นศาสนาฮินดูในปัจจุบันโดยสังกราจารย์ ผู้นำคนหนึ่งของลัทธิศาสนาพราหมณ์ปลายพ.ศ.๙๐๐-๑,๐๐๐ ได้แต่ฮินดูนิยมขึ้นก็ได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเป็นนิยมหนึ่งที่มีชื่อว่า พุทธาตาน และทั้งระบบธรรมวินัยวัตรปฎิบัติก็เป็นมหายาน หรือมหาสังฆิกและพุทธมหายาน ยังเน้นนับถือพระโพธิสัตว์เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย จึงแตกสาขาเป็นนิกายต่างๆอาทิ นิกายโพธิสัตว์ นิกายสุขาวดี ตรีกาย มนตรายาน วัชราญาณหรือตันตระยาน ฯลฯ หลักลัทธิที่นับถือพระพุทธเจ้าสามแบบ และพระโพธิสัตว์ซึ่งแบ่งเป็น ๒คณะ ได้แก่ คณะโพธิสัตว์ ๕ พระองค์ และคณะพระโพธิสัตว์ ๘ พระองค์ คือดังมีพระนาม
           ๑. พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
           ๒. พระอากาศครรภโพธิสัตว์
           ๓. พระวัชรปาณีโพธิสัตว์
           ๔. พระกษิติครร๓ โพธิสัตว์
           ๕. พระสรรพนีวรณวิษกัมภิณโพธิสัตว์
           ๖. พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์
           ๗. พระสมันตภัทรโพธิสัตว์
           ๘. พระมัญชุศรีโพธิสัตว์
          องค์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ได้แกพระอวโลกิเตศวร พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระศรีอาริยเมตไตรย จะพบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏว่ามีการทำรูปเคารพมากเป็นพิเศษ และยังพบอีกหลายภาคในประเทศไทย รวมพบพระพิมพ์โบราณของฝ่ายมหายาน ก็พบว่ามีหลายพิมพ์ที่ทำรูปพระโพธิสัตว์ อย่างเน้นเฉพาะเจาะจง และมีรูปพระโพธิสัตว์ ์แสดงร่วมอยู่ด้วย เสมอแทบทุกพิมพ์  สังเกตุได้จาก การมีพระกรและพระพักตร์ มากกว่าแบบปกติธรรมดาของมนุษย์ มีการค้นพบพระพิมพ์ต่างๆ ที่มีการยืนยันที่นำเสนอเพื่อ เป็นการยืนยัน ได้พบพระโพธิสัตว์เนื้อดินดิบอยู่หลายพิมพ์ หลายกรุ และบางพิมพ์ที่แปลก เช่นมีรูปพระราหู ซึ่งถ้าไม่ศึกษามากพอคงไม่ทราบว่าพระองค์ คือ พระโพธิสัตว์ที่จะมาโปรดจากพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระรามะ หรือพระราม ผู้สูงสุดจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระ รามพุทธเจ้า มวลมนุษย์ในศาสนาของพระองค์ ได้อาศัยต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ที่บังเกิดด้วยพุทธนุภาพเลี้ยงชีพ องค์ต่อไปที่ทราบจากเนื้อดินดิบคือ พระโพธิสัตว์นามว่า อสุรินทราหู (ทีฑโศณี) เป็นอุปราชของ พรหมทัตตาสูร เจ้าผู้ครองอศูรพิภพ จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าพระนารทพุทธเจ้า และในสมัยของพระองค์ จักมีรส ๗ ประการ บังเกิดในแผ่นดิน มหาชนก็ได้อาศัยรสแห่งดินเลี้ยงชีพ คนโบราณรู้ดี
           พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๐ ซึ่งถือเป็นองค์สุดท้ายที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้แสดงให้พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรฟัง โดยอนาคตจะมีผู้มาตรัสรู้ ต่อจากพระติสสพุทธเจ้า คือช้างปาลิไลยกะ(ผู้เคยเป็นอุปฐากของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) พระโพธิสัตว์ปาลิไลยกะ ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่โคนต้นไม้กระทิง ทรงพระนามว่า พระสุมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระวรกายสูง ๖๐ ศอกพระรัศมีเป็นแสงสีทองในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืน เป็นแสงสีเงิน และมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ได้พบพระพิมพ์ต่างๆ และพระโพธิ์สัตว์มากมายหลายพิมพ์ ทั้งในสุวัณณภูมิและต่างประเทศและมีภาษาโบราณตัวอักษรเทวนาครี อยู่ด้านหลังองค์พระโพธิสัตว์อยู่หลายพิมพ์เป็นภาษาเทวนาครีมีความหมาย คือ หัวใจมนุษย์ หัวใจแม่ธรณี หัวใจมวลสาร ที่มีการค้นพบพระพิมพ์ต่างๆและพระโพธิสัตว์ ที่เมืองใต้ และ นครจำปาสี ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีพระพิมพ์ต่างๆอย่างมากมายหลายกรุทั่วนครจำปาสี นับจำนวนมากๆได้สร้างพระโพธิสัตว์พิมพ์ต่างๆ จากรูปด้านหน้าและจากด้านหลังเป็นรูป พระเจดีย์ ให้ทราบสถานที่สร้างอย่างชัดเจนทั้ง ๒ สถานที่ เป็นรูปพระโพธิสัตว์หลายพระองค์และบางพิมพ์พวกเราสักการะเป็นองค์พ่อ จตุคามรามเทพ ที่จะขึ้นบัลลังก์เป็นพระพุทธเจ้านามว่า รามเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าต่อจากพระศรีอริยเมตไตรยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
           ที่ผมนำเสนอก็เพราะศรัทราในพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระนามตลอดชีวิต ทุกชาติทุกภพที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยความศรัทธา ผมจึงนำเสนอและด้วยความรู้อันน้อยนิด ถ้าผิดพลาดประการใดผมขออภัยอย่างสูง และขอสิ่งศักสิทธิ์ ิ์และทวยเทพเทวาจงอภัย ที่นำเสนอผิดพลาดและสิ่งนำเสนอถูกต้อง ขอพระพุทธศาสนาอยู่ครบ ๑๐,๐๐๐ปี ตามการพยากรณ์ ของพระอรหันต ได้ลงในกเบื้องจานไว้ เดือนเด่นฟ้า ลงคำโสณอรหันต ผู้ทายเมือง (ไทย) สุวัณณภูมิพันสองพันสี่ร้อย (ปีปลาย) ชื่อคนไทยเมืองไทย (๑๗๘/๑) พันปี (ที่) ๑ พันปี (ที่) สองยัง (คง อรหันต) สุกขวิปัสสก พันปี (ที่) สามคงอนาคามี พันปี(ที่) สี่ คงสกทาคามีผ๑๗๘/ด้านข้างทั้ง๔) ตะวัน ต่อคำ(พระโสณเถร) พันปี (ที่) ห้ายัง(คง) โสดาบัน พันปีหก สิ้นอริย พันปีเก้า สิ้นภิกขุ (สาม)เณร หมื่นปี สิ้นพุทธพจน (๑๗๘/๒)  ในช่วงเวลาที่ลงคำบันทึกไว้ในกเบื้องจานได้มีพระอริยะสงฆ์อยู่หลายพระองค์และ พระโพธิสัตว์เจ้ามาจุติหลายพระองค์ ด้วยกันมีพระโพธิสัตว์ที่ระบุไว้ในการลงกเบื้องจานคือพระโพธิสัตว์ เมตเตยยโพธิสัตว์ซึ่งมีพระนามว่า มนขอมพิสสณุ ดังที่พระองค์ได้ลงกเบื้องจานไว้ดังนี้ เรา-มนขอมพิสสณุ เขียนเดือน ๘ขึ้น๖ค่ำ ปี๒๙๘ เมื่อนี้มีขวบ ๘๘ อยู่ดงสัก พุทธสาสนาตั้งมั่นในสุวัณณภูมิ (ตั้งแต่)พุทธกาล ๒๓๗ เราส้างอาวาสสงฆ (ถึงวัดมหาธาตุ ได้) ๑๒ วัด (๔๔๕/ด้านข้างทั้ง๔) ตายปี ๓๐๑ พระองค์ ลงมาสร้างพระบารมีไว้จนกว่าจะเข้าประตูพระนิพพาน และถ้าผู้ศึกษาจากเน็ทนี้สนใจก็ไปหาหนังสือที่บันทึกเหตุการณ์ในอดีต ตั้งแต่มนุษย์คู่แรกของไทยเกิด (พ่อขุนสรวง แม่นางสาง)  และ พระองค์ผู้ที่สร้างนครศรีธรรมราช ยุค๒๐๐๐กว่าปีว่าเป็นใครในปัจจุบัน ซึ่งผมเองไม่ขออธิบายไว้ในที่นี้ ทั้งหมดนี้ผมประทับใจซาบซึ้งในน้ำใจ บรรพบุรุษของไทยทุกผู้ทุกพระนามที่สร้าง บันทึกความเป็นไทย เป็นคนไทย แผ่นดินไทยเราไทยอยู่มาตลอดไม่ได้ย้ายมาจากถิ่นอื่นเลย เพราะฉะนั้นเราไทยทุกคนต้องรักแผ่นดินเกิด  รักคนไทยเหมือนพี่เหมือนน้องเราจะอยู่อย่างสุข จากสายเลือดเดียวกัน จากจุดเริ่มต้นความเป็นไทย และผมไม่อยากเห็นคนไทยแตกแยกกันไม่รู้ว่าเพื่อสิ่งใด ขอให้มีความรักเพราะเรามาจากบรรพบุรุษเดียวกันโดยแท้จริง........
เพชร เมืองเก่า

line
line
รหัส 8409
จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam
          นางสีมาทอง เมียจันทรภาณุมือขวาถือดอกบัว มือซ้ายถือสังข์ ล้วนของน้ำ อาจหมายถึงอาณาจักรทะเลไสเรนทรวงค์ปทุมวงค์ ขุนหญิงร่างสูงเป็นชาวชมพูทวีป คือ พราหมณ์และอำมาตย์อตุลย มีลูกชื่ออินไสเรนทร ผู้นำสุวัณณภูมิไปใช้ว่า "ศรีวิชัยสุวัณณภูมิ" ศรีวิชัยธัมมราชพุทธไท (พ.ศ.๑,๐๐๐)
line
line
รหัส 8289 รหัส 8245
จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam
   
รหัส 8517 รหัส 1950
จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam จตุคาม jatukamจตุคาม jatukam

ท้าวเวสสุวัณ
           ท้าวเวสสุวัณมีหลายชื่อ เช่น กุเวร ไวศรวัณ เวสสุวณธนบดี (ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์) ธเนศวร(เจ้าแห่งทรัพย์) อุจฉาวสุ(มั่งมีได้ตามใจ) ยักษราช(เจ้าแห่งยักษ์) ฯลฯ ในหนังสือไตรภูมิพระร่วงเรียกท้าวเวสสุวัณว่าท้าวไพศพมหาราช ได้พรรณนาการแต่งองค์ไว้ว่า "ท้าวไพศพมหาราช เป็นพระยาแก่ฝูงยักษ์แลเทพยดาทั้งหลายฝ่ายอุดรทิศถึงกำแพงจักวาลเบื้องอุดรทิศพระเมรุราช และเครื่องประดับตัวพระไพศพนั้นและบริวารทั้งหลาย เฑียรย่อมทองเนื้อสุก ฝูงยักษ์ทั้งหลายนั้น บ้างถือค้อนถือสากแลจามรี เฑียนย่อมทองคำบ่มิร้กี่ร้อยล้าน แลฝูงยักษ์นั้นมีหน้าอันพึงกลัวแลท้าวไพศพมหาราชจึงขึ้นม้าเหลืองตัว ๑ ดูงามดั่งทอง"
เป็นการพรรณนาว่าท้าวเวสสุวัณเป็นเจ้าแห่งทรัพย์จริงเพราะมีทองคำจำนวนมากมายไม่รู้กี่ร้อยล้าน มีตำแหน่งเป็นท้าวโลกบาล ประจำทิศเหนือ มีหน้าที่คอยสอดส่องดูแลความเป็นมาของโลกมนุษย์ว่าใครทำบุญ หรือบาปอะไรไว้โยมาตรวจดูทุกวันขึ้นและแรม ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ

คาถาบูชา ท้าวเวสสุวัณแบบสั้น
          # เวส สะ พุ สะ #
          # โอมซัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ พระธนบดีศรีมหาธรรมราชา ประสิทธิเม #
นิกายลามะเรียก รัตนโกศมหาพญายักษ์ หรือเรียก เศรณฐีซัมภล
หน้าถัดไป
line
line
สนใจสอบถาม โทร. 081-9177654 ( อ.เศรษฐพร )
 

 หน้าแรก | บทความ เช่าบูชา  | เกี่ยวกับเราติดต่อเรา 
COPY RIGHT By © pavareskrungsiam.com All rights reserved